ไปเชียงใหม่ประชุมร้านเครื่องเขียนครับ เอาสั้นๆ พอนะครับ ไม่ดราม่ามาก และไม่บรรยายยืดเยื้อ
- ไปด้วยรถทัวร์ของยี่ห้อ พรพิริยะทัวร์ ราคาVIP 449 อยู่ชั้นล่างของรถ2ชั้น นอนสบายแต่ไม่มีทีวีดูและอยู่หน้าห้องน้ำ แอร์พุ่งใส่หน้านอนลำบากมากต้องเปลี่ยนที่นอนไปมา ถ้าเลือกไม่vipด้านบน385บาท เก้าอี้เล็กกว่าแต่น่าจะดีหน่อยเพราะไม่ต้องทนห้องน้ำ ออก 23.00 น. ถึงเชียงใหม่ 6.30 น. เช้ามาก แวะกินข้าวร้านขวัญ2 สลกบาตร เอาคูปองไปแลกก๋วยเตี๋ยว บอกไว้ก่อนเลยคราวหน้าอย่ากินก๋วยเตี๋ยว ไม่อร่อยนะ เจอเอ็กซ์ YEC ลำพูน ที่เพิ่งอบรม SEED 1 กลับมากับ บ.ลิกไนท์ ทัวร์ ลืมถามว่ามันดียังไง วันหลังจะได้ใช้บริการบ้าง
- เช่ารถมอไซด์ที่ร้านแถวนั้น จำชื่อร้านไม่ได้ เลี้ยงหมาบีเกิ้ลไว้หลายตัว แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้บริการbikky เพราะมันยังไม่เปิด เขาคิด 200 บาท/วัน เช่า 2 วัน ก็ 400 ง่ายๆ ไม่มีมัดจำใดๆ เอาบัตรประชาชนไว้แล้วก็เอารถไปได้เลย แวะเติมน้ำมันให้เขา 100 นึง กะจะใช้เยอะแต่ที่ไหนได้แทบไม่ยุบเลย ถึงแม้ว่าวันกลับจะเอามาส่งก่อน 6.30 ก็ไม่ลดราคานะ เหมาเป็นวันๆ ก็ไม่ว่ากัน เช่ารถเวฟ เกียร์ธรรมดาเหมือนเดิม
- ออกไปหลงทางตามเคย หนาวและฝนตก ตำหนิตัวเองที่ไม่เอาแจ็กเก็ตอะไรมาเลย ข้ามสะพานนครพิงค์มาแล้วก็หลงทางอีก จำไม่ได้ว่าอะไรไปทางไหน วนๆ สักพัก แล้วดันเอาโน้ตบุ๊คมาด้วย โคตรจะไม่สะดวกเลย เป้สะพายใส่เสื้อผ้าแล้วมือหิ้วโน็ตบุ๊คทุลักทุเลมาก
- หาทางจนเจอคูเมืองวนซะรอบ สมเพชร ไปแจ่งหัวริน แล้วยูอีกทีหน้าศรีโตเกียวเชียงใหม่ราม เข้าห้วยแก้ว ฝนตกเพิ่มขึ้น ตายละ จะถึงโรงแรมไหมเนี่ย เป็นข้อคิดเลยนะ ว่าถ้าฝนตกนี่ การเช่ามอเตอร์ไซด์นี่เป็นวิบากกรรมมากๆ ถึงแยกคลองชลประทานก็เลี้ยวขวาไปเจอโรงแรมอยู่อี่กฝั่ง ต้องยูเทิร์นรถมา
- จอดแล้วขอเขาเช็คอินก่อนเวลา ปรากฏว่าห้องว่างเช็คอินได้ ดีมาก เพราะตัวเปียกอยากอาบน้ำนอนมาก ขึ้นห้อง ห้องสวยหรูดี มีปลั๊กไฟน้อยไปหน่อย อาบน้ำแล้วก็เปิดคอมทำบทความหอการค้าต่อจนลืมว่าจะนอนนี่หว่า แล้วก็หิวด้วย จะเอาคูปองอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ไปกิน เขาก็บอกว่าไม่ได้มันระบุวันไปแล้ว ก็เลยลงมาออกไปข้างนอกก็ได้
- อาหารเช้าที่เซลส์เครื่องเขียนแนะนำคือ ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีน ถ้ากะไม่ผิดน่าจะเป็นอยูุ่มุม แจ่งกู่เฮือง (ตะวันตกเฉียงใต้) อร่อยดี ชามละ 50 บาท จริงๆอยากกินอีก แต่อยากไปหาอะไรอย่างอื่นกินบ้าง
- ขี่วนไปแถววัดพระสิงห์และหลงทางไปแถวหน้าสามกษัตริย์ แวะไปที่ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา เพราะเป็นที่เดียวที่คราวก่อนไม่ได้เข้าไป ดูๆแล้วความน่าสนใจไม่เท่ากับอีก 2 ที่ๆไปคราวก่อนนนะ ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วไปดีกว่า
- ไปตลาดวโรรส มาเชียงใหม่หลายที ไม่เคยไปถึงเสียที แล้วก็สับสนทุกทีว่าตลาดดอกไม้ ตลาดต้นลำไย อยู่ตรงนี้แล้วตลาดวโรรสมันอยู่ตรงไหน ทั้งๆที่มันอยู่ที่เดียวกันเลย ต้องใช้เทคนิคการจอดมอไซด์นิดหน่อยเพื่อไม่ให้พนักงานเทศบาลมาเก็บค่าจอด อิอิ
- ในตลาดมีของฝากมากมาย ที่ฮิตๆ เช่น ร้านดำรงค์ ขายหมูทอด น่ากินมากแต่คนเยอะอยู่ร้านเดียว เราก็กะไว้ในใจว่าพรุ่งนี้จะมาซื้อ (แต่ถึงเวลาก็ไม่ได้มาเพราะคิดว่าจอดรถยากเกินไป) เรากินข้าวซอยในตลาดต้นลำไย แล้วออกเดินทางไปหาญาติที่ฝั่งหนองหอย
- เสร็จจากหาญาติแล้วก็กลับมาที่โรงแรม เขาเริ่มงาน 13.00 ก็พอดีๆ
- มีทางลัดสำหรับการมาที่ ร.ร.คุ้มภูคำ คือ ไปทาง ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ ด้าน เมญ่า แล้วเข้าซอย โทรคมนาคม หรือ ซอยถัดไปก็ได้ เข้าไปจนสุดแล้วเลี้ยวขวา สุดอีกทีจะเจอโลตัสเอกเพรส แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะไปโผล่ถนนเลียบคลองชลประทานได้ ก็จะเลี่ยงรถติด และ ไม่ต้องไปยูเทิร์นไกลนะ
- กิจกรรมในงานก็รันไปปกติ
- ตอนเย็นหลังจากจบงานแล้วออกไปเที่ยวเล่นกลางคืนหาของกิน เมืองนี้หาของกินเล่นพวกขนมปัง น้ำปั่นกินยากเหมือนกันนะ หรือเราไม่รู้แหล่ง ไปแถวนิมมานก็งั้นๆ มาคนเดียวไม่ค่อยกล้าเข้าไปเที่ยวพวกวอร์มอับ อะไรพวกนั้น กลับโรงแรมดีกว่า ง่วงแล้ว
- นอน
- ตื่นสายอดกินมื้อเช้าที่โรงแรม แต่ก็ใช้เวลาที่มีนิดหน่อยนั้น เขียนบทความหอการค้าจนเสร็จ หลังจากนั้น เช็คเอ้าท์เลย ออกไปหาอะไรกินต่อ
- ด้วยความขี้เกียจไปเบียดกับคนที่ ตลาดวโรรสแล้ว ก็เลยว่าจะซื้อของฝากที่ ตลาดต้นพยอมละกัน เลยยิงตรงจากหน้าโรงแรมไปตลาดต้นพยอมเลย ถนนเดียวกัน แวะซื้อของ ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม หมูยอ ใจจริงอยากกินแค้บหมูมาก แต่ไม่มีร้านไหนยื่นให้ชิมและทางบ้านก็บอกว่าไม่ต้องซื้อมาเพราะมันอ้วน อีกอย่างที่อยากกินมากคือ แกงฮังเล ดันมีแต่ร้านที่ขายกับข้าว แต่ไม่ได้ขายข้าว ทำให้ซื้อกินไม่ได้ ไม่มีจานใส่ด้วย เซ็งจริงๆ เลยต้องสั่งข้าวผัดพริกแกงกินหลังตลาดนั่นล่ะ ไม่ได้อร่อยมากแต่หิว และให้น้อยด้วย
- แนะนำทางลัดอีกแล้ว ถ้าออกมาจากตลาดต้นพยอมจะเจอสี่แยกด้านนึง และจะเจอคลองชลด้านนึง ถ้าไม่อยากไปยูเทิร์น และไม่อยากรอสี่แยก แนะนำให้เข้าซอย ที่เป็นอาบอบนวดอมรินทร์ ข้างๆ ไปแล้วหาซอยเชื่อมด้านซ้าย จะโผล่ไปถนนใหญ่ไม่รู้ชื่ออะไรได้ แล้วออกมาเจอสี่แยกจะเลี้ยวขวากลับเข้าเมืองได้เลย
- ตรงไปเจอคูเมืองแล้วเลี้ยวเข้าเมืองไป จุดหมายต่อไปคือ ไปกินข้าวร้านเฮือนเพ็ญ เห็นเขาว่าขึ้นชื่อเรื่องอาหารเหนือ จริงๆ อยากไปกินเฮือนใจ๋ยองอะไรที่เพื่อนๆ ไปกินมาเมื่อคราวก่อนแล้วเราไม่ได้ไป แต่ดูแล้วไกลมาก ขี่มอไซด์ไปไม่ไหว กินนี่ล่ะ
- เจอร้านแล้วสั่งเลย เกาเหลาน้ำเงี้ยวกับข้าวจิ้นหมู เป็นข้าวคลุกหมูสับเหมือนข้าวผัดหนำเลี้ยบ กับ พริกแห้งแตงกวากระเทียม และสั่งหมูทอดมาจานหนึ่ง อร่อยดี รวมราคา 140 บาทถ้วน รีบกินรีบไป แต่อิ่มมากๆ เลยนะ
- แวะวัดเจดีย์หลวงแป้บนึง คราวก่อนมาตอนกลางคืน ไม่ค่อยเห็นอะไร วันนี้มากลางวัน สวยงามมาก และเพิ่งเห็นด้วยว่าที่นี่คือตำแหน่งศาลหลักเมืองเชียงใหม่ มีเสาอินทขีล ตามความเชื่อของลานนาโบราณด้วย
- บ่ายโมงแล้วกลับบ้านดีกว่า ขี่รถหลงอีกแล้ว ไปทางถนนช้างม่อย แอบเข้าซอยเพื่อจะไปสะพานนครพิงค์ หลงไปหลงมา2-3 รอบ จนสำเร็จ ก็ข้ามสะพานขับตรงๆอย่างเดียวเลยครับ เชียงใหม่รถติดมาก ตั้งแต่เมื่อวานก็สังเกตมาทีนึงแล้ว แถววฮิปๆ นิมมาน ห้วยแก้ว นี่อย่างนานเลยครับ ต้องวางแผนการเดินทางดีๆ ไม่มีธุระทางนั้นก็ไม่ต้องเข้าไป ถ้ามีซอยเล็กน้อยแถวข้างๆ ก็ลองเข้าไปดู เผื่อเป็นทางลัดได้
- ไปจนถึงอาเขต เขารถไปคืนร้านเขา เขาคืนบัตรประชาชนให้ เราไปขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน ยี่ห้อ ศรีทะวงศ์ (ชยสิทธิ) เวลา 14.00น. ราคา 385 บาท คราวนี้ไม่มี vip แล้ว เพราะเราคงไม่หลับตลอดทางหรอกมันกลางวันแล้ว ขึ้นรถปรับเบาะปุ๊บ หลับปั็บ รถยังไม่ทันออกเลย อิ่มจัด
- รถจอดเป็นระยะๆ ตาม บขส.ของจังหวัดต่างๆ และแวะกินข้าวที่ร้านขวัญ 2 สลกบาตรดังเดิม ถึงบ้านตอน 21.30 น. น่าจะได้นะ
จบการีวิวอย่างด่วนๆ ครับ ขอบคุณครับ
No comments:
Post a Comment