Monday, December 03, 2007

รักแห่งสยาม ของจริง

รักแห่งสยาม
เค้าบอกว่าถ้าความคิดมันยังค้างอยู่ในหัว ให้ไปดูอีกรอบก็จะดีขึ้น

ซึ่งก็ดีขึ้นจริงๆ

อ่านดูตามเว็บบอร์ด
บางคนร้องไห้ ในตอนจบ เราก็พยายามคิดว่าทำไม แต่เราก็ไม่เห็นร้องไห้แฮะ แต่ก็แค่ตากระตุกๆ

กลับบ้านมารู้สึกสดใสขึ้นหน่อยไม่หดหู่เหมือนตอนดูรอบแรก

ก่อนนอน ดู ย้อนรอย เรื่องในหลวง
มีอยู่ตอนหนึ่ง พิธีกรเล่าเรื่องที่ในหลวงเสด็จไปเรียนต่อที่สวิส แล้วมีประชาชนคนหนึ่ง ตะโกนออกไปว่า อย่าละทิ้งประชาชน และในหลวงก็ตรัสตอบ ในพระทัยว่า ถ้าประชาชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้

สถานการณ์ในช่วงนั้นไม่ดีเลย เพราะว่า ในหลวง รัชกาลที่ 8 เพิ่งสวรรคต และ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความตั้งใจที่จะรับตำแหน่งเพียงเพื่อช่วยให้จัดงานพระศพได้สมพระเกียรติเท่านั้น สำหรับครอบครัวของพระองค์แล้ว เป็นการยากที่จะต้องอยู่กับความโศกเศร้าและภาระอันหนักอึ้งเช่นนี้ ที่ประเทศไทย ถ้าพระองค์คิดว่า ทรงพอแล้ว ประเทศไทย พระองค์บอบช้ำเหลือเกิน ทรงสูญเสียพระราชบิดา และ พระเชษฐาธิราช ในเวลาไล่เลี่ยกัน พระองค์ก็สามารถที่จะไปสวิสเซอร์แลนด์ แล้วไม่กลับมาอีกเลยก็ทรงทำได้

ปกติประชาชนทั่วไปก็จะรู้เพียงเรื่องคนตะโกน แต่ไม่เคยรู้เรื่องเบื้องหลัง แต่ในหนังสือเล่มหนึ่ง สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงเล่าให้ฟัง ว่า ครั้งหนึ่งไปเยี่ยมราษฎรต่างจังหวัด มีชายคนหนึ่งพุ่งตัวมากราบในหลวง พร้อมกล่าวว่า พระองค์ คงจำเขาไม่ได้ แต่เขานี่แหละเป็นคนที่ตะโกนในวันนั้น ในหลวงถามว่าทำไมถึงตะโกนอย่างนั้น เขาบอกว่า ดูพระพักตร์ในวันนั้นแล้วทำให้อดใจหายไม่ได้ กลัวว่าในหลวงจะไปแล้วไม่กลับมาอีก ก็เลยตะโกนเหมือนคนบ้าเสียสติ ในหลวงทรงรับสั่งตอบว่า ก็เพราะว่าตะโกนอย่างนั้นเราถึงได้กลับมานี่อย่างไร

ฟังจบ เราน้ำตาไหลทันที
หนังละคร มันเรื่องแต่ง
แต่นี่เรื่องจริง
ความตื้นตันมันคนละระดับ
อย่างนี้ถึงเรียก รักแห่งสยาม ของแท้

ขอบคุณพี่ผู้ชายคนนั้นที่พี่ตะโกนออกไปวันนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันนี้

Thursday, November 29, 2007

รักแห่งสยาม

คิดอยู่นานว่าเราจะเขียนบทความเรื่องนี้ดีมั้ย

แต่หลังจากดูหนังเรื่องนี้แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตทันที(ซึ่งไม่เกี่ยวกับหนังเลย)

1.ตื่นเช้าขึ้น แต่กลับไม่มีแรงกระตุ้นในการทำงานใดๆเลย
2.ถอนหายใจ ตลอดวัน เพราะความคิดขาดตอน และไม่มีสมาธิ
3.เรื่องที่ดูเหมือนจะรีบเร่ง ก็กลับเฉื่อยชาและเพิกเฉย
4.อยากอาบน้ำและนอนเร็วๆ
5.ไม่ค่อยมีอารมณ์

การไปดูหนังเรื่องนี้ ถึงแม้จะได้รับกระแสจากเว็บบอร์ด หลายแห่งว่าเป็นหนังแนวชายรักชาย ซึ่งเท่าที่ดู เอ็มวีของหนังแล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นชายรักชายยังไงหนอ ถ้าเพื่อนไม่ชวนไปดูเป็นกลุ่มใหญ่ๆ คงไม่กล้าไปดูคนเดียว เพราะไม่แน่ใจเดี๋ยวจะทำใจไม่ได้ เมื่อไปดูมาแล้วก็ยิ่งทำให้มีอะไรต้องมาคิดมากขึ้น

จะพยายามไม่พูดถึงเนื้อเรื่องเพราะอาจจะทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ไปดูอาจเสียอรรถรส แค่รู้เรื่องชายกับชายนี่ก็ทำให้บางคนไม่ไปดูเสียแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ เอาจุดที่เราชอบเลยละกัน

ตอนที่ แม่เอาตุ๊กตามาให้โต้งเลือก คิดแล้วเหมือนกับชีวิตทุกคนที่มักจะมีปัญหากับคนที่อายุมากกว่า โดยเฉพาะวัยรุ่น ที่มักจะทำอะไรไม่ถูกใจผู้ใหญ่ไปซะหมด จนทำตัวไม่ถูกและก็ต้องรอบอกว่าแล้วแม่ว่าไง จะให้ทำยังไงก็บอกมา เพราะเดี๋ยวถ้าทำไปไม่ดีก็จะโดนว่าอีก

ในโรง ตอนที่ดูฉากนี้ ตอนที่โต้งถามว่าติดตรงนี้ดีมั้ย ตรงนั้นดีมั้ย แล้วแม่บอกว่าติดๆไปเหอะน่า ตอนนี้คนหัวเราะกันทั้งโรง แต่พอโต้งพูดว่าเดี๋ยวทำไปแม่ก็ไม่ชอบอีก เสียงหัวเราะก็เงียบทันที อันนี้อาจจะแสดงได้ว่ามันโดน จิ้มไปกลางใจของเราและเพื่อนๆที่มาดูทุกคน(ไม่นับประเด็นชอบชายนะครับ)

อ่านบทวิจารณ์ตามเว็บไซต์แล้ว บางที่ก็พูดถึงแววตาของโต้งที่ดูเหมือนจะ"อมน้ำตามาตลอดชีวิต" ก็ยิ่งเพิ่มความอึดอัดให้กับเรื่องเข้าไปอีกนะครับ

อาจจะกลับไปดูอีกครั้งถ้ามาฉายที่โรงแถวบ้านนะครับ
ขอบคุณนะครับ หนังสนุกดี เพลงก็เพราะด้วย ยังไม่ไปดูขอให้ไปดูนะครับ ให้แขวนประเด็นเรื่องชายชอบชายไว้ที่บ้าน นอกนั้นสะเทือนใจใช้ได้ทีเดียวครับ

Wednesday, November 07, 2007

88

เลข 88 กับชีวิตช่วงนี้

สอบภาษาอังกฤษ CU-TEP ได้คะแนน 88 คะแนน

หวยที่ออกงวดวันที่ 31 ตุลาคม (ซึ่งเป็นวันเกิด) เลขท้ายสองตัวคือ 88

วันที่ไปกินข้าวกับที่บ้านเดินผ่านป้ายนับถอยหลังตรุษจีน เหลืออีก 88 วันถึงงานตรุษจีน

เข้าล็อกอินยาฮุเมล มีเมลยังไม่ได้อ่านอยู่ 888 อัน

จะมีอะไรแปดๆอีกมั้ยน้า

ใบบันทึกผลการตรวจสุขภาพ

ชื่อ.....อายุ 27 ปี
น้ำหนัก 68 กิโลกรัม ส่วนสูง 163 เซ็นติเมตร
BMI 25.7
ความดันโลหิต 100/70
ไขมันร่างกาย 24.3

Body Mass Index มากกว่าปกตินิดหน่อย
ไขมันในร่างกาย มากกว่าปกตินิดหน่อย
แปลว่ากำลังเริ่มอ้วนแล้วนะ

ไปวัดที่งานโรงพยาบาลท้องถิ่นมา
หนำซ้ำเป็นโรคเครียดสูงด้วย

เฮ้อ เศร้า

Thursday, July 05, 2007

ชีวิตช่วงนี้ ก่อน 7/7/07

วันนี้ทำไมมันรู้สึกเครียดๆก็ไม่รู้ แยกประเด็นความเครียดในวันนี้ออกเป็นเรื่องๆ คือ

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร แยกชีวิตแบบ อุทิศชน ออกจาก ชีวิตแบบ สามัญชน ไม่ค่อยได้ มีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดและตัดสินใจ แบบคำถามเชิงจริยธรรมมากเหลือเกิน เช่น

"ได้ของมาฟรี แล้วจะขายลูกค้าดีมั้ย"

"เขาเป็นคนรู้จักเรา เราลดให้เขาเลยได้มั้ย หรือว่าต้องให้เขาสมัครสมาชิกดีกว่า"

"นี่กะจะอยู่นครสวรรค์ตลอดไปเลยหรือเปล่า อยู่เพื่ออุดมการณ์ หรือว่า ผลประโยชน์ทางธุรกิจ"

"ตกลงกันไว้ว่ามาสายหรือขาดงานจะต้องถูกหักเงิน แล้วเค้าก็ยินดีให้หัก แล้วเค้าขโมยเงิน/ของ ในบ้านเราบ้างหรือเปล่า"

"จะเปิดแอร์กี่โมงดี ค่าไฟก็แพง เราก็คิดว่าร้านก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่ทำไมลูกน้องเราบ่นๆว่าเย็นไม่สะใจเลย จะตามใจกันมากไปมั้ย"

"จะเอามหาวิทยาลัยมั้ย ถ้ามีจะส่งลูกหลานไปเรียนมั้ย หรือว่าอย่าให้มีเลย เพราะยังไงก็ไม่ส่งลูกหลานไปเรียนอยู่ดี"

"มีคนที่เขาชอบ แต่เราไม่ค่อยสนับสนุน ไปกีดกันเขาทำไมหนอ"

"ความสุขอยู่ไหน มาใกล้ๆหน่อยได้มั้ย"

ฯลฯ

ชีวิตคนเรามันก็ต้องอยู่กับคำถาม การตัดสินใจ ก็เป็นแบบนี้เอง แต่เราทำไมต้องมีอะไรให้ตัดสินใจยากๆ บ่อยๆ ด้วยก็ไม่รู้ จนบางทีก็คิดไม่อยากจะตัดสินใจ การไม่เลือกก็เป็นการเลือกอย่างหนึ่ง ซึ่งผลก็เป็นไปตามสิ่งที่ตัดสินใจนั้นๆ เหมือนกัน

ไม่ค่อยมีอารมณ์ ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ บั่นทอน บั่นทอน แต่ไม่รู้ทำไงดี

ความสุขอยู่ไหน กลับมาหาผมเถอะ ผมต้องการคุณ

Sunday, May 13, 2007

อับเดทชีวิตของผม

ไม่ได้เข้ามาเขียนซะนาน ไม่รู้แฟนๆยังตามมาอ่านกันอยู่หรือเปล่าหนอ จนแล้วจนรอดก็ตัดใจจากบล้อกเกอร์ ไปอยู่มัลติพลายไม่ได้ซักทีนะครับ ก็คงต้องอยู่ที่นี่กันต่อไปครับ

เรื่องที่จะอับเดทในวันนี้มีหลายเรื่องดังนี้ครับ

ผมกำลังจะเป็นแคนดิเดท (ภาษาไทยเรียกว่าอะไรนะ ผู้เข้าชิงตำแหน่งรึเปล่า) ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ในการเป็นผีเสื้อตัวต่อไป
มันสร้างความสับสน และกังวลใจให้ผมเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงหลายปีมานี้เลยทีเดียว
เมื่อมีคนท้าทาย ผมก็ต้องแข่งกันหน่อยละ
แต่จะสำเร็จมั้ย แข่งครั้งนี้เดิมพันสูงเหลือเกิน
ถ้าสำเร็จก็เสมอตัว แต่ถ้าล้มเหลว นี่ ไ่ม่อยากคิดเลยครับ

วันนี้เป็นวันหมั้นของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งผมยังตอบตัวเองไม่ได้ซักทีว่า ทำไมผมต้องรู้สึกไม่ดีด้วย ไม่ดีเพราะว่า ผมสงสารชะตากรรมของตัวเองที่ยังไร้คู่ หรือว่า ผมเสียดายโอกาสต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตกันแน่ จนรู้สึกต้องไปหาเพลงมาปลอบใจกันหน่อย ไปเจอเพลงนี้มา

ใช่ฟ้าบันดาล ให้เธอเป็นคู่ของพี่
ฟ้าสร้างให้น้องพี่นี้ รักมีเพียงชั่วหวานชื่น
พี่แสนรัก แสนห่วงและหวงทุกคืน
ขอให้รักรวยรื่น เหมือนรักพี่เถิดดวงใจ
ด้วยเขาเป็นเพื่อน ร่วมคำสาบานของพี่
น้ำใจเขานั้นช่างดี สมที่จะครองน้องได้
อย่าได้คิดและห่วงพี่นะดวงใจ
จะขอเจอะกันชาติใหม่ ชาตินี้พี่ต้องขอลา
พี่มีกรรม ทำไว้แต่ปางก่อน
จึงได้ตามมาย้อน ให้พี่จากกานดา
เธอทั้งสอง เปรียบเหมือนดั่งดวงดารา
ควรแล้วที่เกี่ยวกิ่งฟ้า อย่าโน้มลงมาจะหมองไหม้
ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์
น้ำสังข์จะหลั่งลงพลัน ด้วยมือพี่หลั่งรดให้
ไปสู่เรือนหอ ที่เฝ้ารอรับดวงใจ
ชาตินี้พี่จำจากไกล สู่แดนแห่งรสพระธรรม

++ ดนตรี ++

ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์
น้ำสังข์จะหลั่งลงพลัน ด้วยมือพี่หลั่งรดให้
ไปสู่เรือนหอ ที่เฝ้ารอรับดวงใจ
ชาตินี้พี่จำจากไกล สู่แดนแห่งรสพระธรรม


แต่ผมไม่ได้จะไปบวชนะครับ มันรู้สึกแบบว่าจะชอบก็ไม่ชอบ จะรักก็ไม่รัก รำคาญดีแท้ความรู้สึกแบบนี้ นึกถึงคำพูดของดากานดา ในเรื่องเพื่อนสนิท "แกมาบอกอะไรป่านนี้" ขึ้นมาทันที

ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอวยพร ให้โชคดีนะครับ แล้วก็ช่วยดูแลให้ดีหน่อยนะครับ เพราะคนๆนี้เคยร้องไห้เพราะความรักมามากเหลือเกิน เมื่อได้ตกลงแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดีจากนี้จนตลอดไปด้วยครับ

เขียนแล้วตื้นตันตัวเอง กลัวเค้ามาอ่านเจอ แต่ว่าไม่เขียนก็อึดอัดใจ ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เคยเป็นแบบผมนี่วันนี้ที่ไปงานเค้ารู้สึกอย่างนี้หรือเปล่า หรือว่าเค้าไม่คิดอะไรแล้ว เรามันคิดมากเอง

Wednesday, March 28, 2007

นมคาร์เนชั่น = คาร์+เนชั่น = รถ+ชาติ = รสชาด (คนผลิตคิดอย่างนี้หรือเปล่า นมยี่ห้อนี้ มีรสชาดดีจริงๆ ตั้งชื่อนี้ดีกว่า)

นมคาร์เนชั่น = คาร์+เนชั่น = รถ+ชาติ = รสชาด (คนผลิตคิดอย่างนี้หรือเปล่า นมยี่ห้อนี้ มีรสชาดดีจริงๆ ตั้งชื่อนี้ดีกว่า)

ไม่มีอะไร คิดเล่นๆ

Thursday, March 08, 2007

บทความเขียนเอง ตอน เรียนจบตรีใหม่ๆ

หนึ่งปีเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ของผม

1.การเรียน

ปีนี้ 2546 เริ่มต้นปีมาด้วยการสอบมิดเทอม และการทำซีเนียร์โปรเจ็ค ซึ่งไม่ค่อยลงรอยกันระหว่างผมกับคู่โปรเจ็ค จะเป็นเพราะการแบ่งงานที่ไม่ลงตัวหรืออย่างไรผมก็ไม่ทราบ หรือว่าเป็นเพราะเกมส์ bounce out ที่เข้ามากวนใจผมกับคู่โปรเจ็คกันตลอดเทอม สรุปตอนท้าย ซีเนียร์โปรเจ็คของผมก็ทำเสร็จได้อย่างไม่สมบูรณ์นัก เทอมสองนี้ผมเลือกเรียนวิชา อินเตอร์เน็ต แอพลิเคชั่น กับอาจารย์ คนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมตั้งคำถามหนึ่งทันทีว่า ผมเรียนวิชานี้เพื่ออะไร เพราะดูเหมือน เราจะต้องเป็นคนหาข้อมูลมาเรียนเองหมด อาจารย์ผู้สอนก็ไม่มีความถนัดด้านนั้นเสียทีเดียว อาจารย์ยังสั่งให้เราหาข้อมูลมารายงานหน้าชั้นแทบทุกครั้ง ผมเรียนจบคอร์สนี้ด้วยสมองที่เกือบว่างเปล่า ผมเรียนจบปริญญาตรีจากสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วย ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนจะมีความรู้ แต่ก็เหมือนจะไม่มีความรู้อย่างไรไม่รู้

ผมสอบคัดเลือกผ่านโครงการไอเอสเต้ เพื่อไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ลำบากมาก เนื่องจาก งานที่สมัครไปบางที่ก็เรียกตัวสัมภาษณ์ หนำซ้ำ ที่ได้ไปนี้ ก็มีน้องรหัส ซึ่งได้ที่สูงกว่า แต่เค้าเรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังนั้นจริงๆ แล้วเค้าเป็นคนที่มีสิทธิ์จะได้ไปก่อนผม ในขณะที่เหลือทุนให้ได้อีกเพียง 1 ทุนเท่านั้น ในวันที่ต้องตัดสินใจเลือก ดูท่าทางน้องเค้าจะลำบากใจมาก สุดท้ายน้องเค้าก็สละสิทธิ์และให้ผมไปแทนที่ประเทศ รัสเซีย นั่นเอง (แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ไป เนื่องจาก ถูกปฏิเสธ เพราะเรื่องโรคซาร์ส)

เมื่อการศึกษาไม่ได้ให้อะไรผมมากตามที่ต้องการ ผมจึงคิดแล้วคิดอีกเรื่องการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นต้องสร้างความลำบากใจต่อทางบ้านบ้างแน่นอน หนำซ้ำหากเรียนจบมาแล้ว ไม่ได้ใช้วิชาความรู้ใดๆ ให้เข้ากับชีวิตประจำวันก็ยิ่งดูการศึกษาส่วนนั้นไร้ค่าเข้าไปใหญ่ ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อไว้บ้างบางส่วน แต่ด้วยทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเรียนเท่าใดนัก ทำให้ผมไม่กระตือรือร้นในการติดตามใดๆ เพื่อนๆ บางคนไปเรียนต่อทันทีหลังจากที่เรียนจบ บางคนใช้เงินของครอบครัว และเรียนในวิชาที่แปลกไปจากที่เรียนในระดับปริญญาตรี บางคนก็เรียนในแนวเดิม บางคนก็ได้ทุน อันนี้ผมคิดว่าแล้วแต่บุญวาสนาที่แต่ละคนมี และความสามารถที่ได้สั่งสมมา ถึงผมจะไม่ค่อยมีก็ไม่เป็นไร

ความคิดเรื่องเรียนต่อ กลับมาอีกครั้ง เมื่อพบกับคุณยุพิน และคุณสญชัย ซึ่งจะอธิบายต่อไปในหมวดการเดินทาง และบุคคลที่พบ

2.การเงิน

เป็นครั้งแรกทีผมสังเกตว่าตัวเองเก็บเงินเก่ง มีเงินถึงหกหลักเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เคยแยกบัญชีไว้ว่า บัญชีที่ธนาคารกรุงไทย จะเก็บไว้สำหรับ เงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เช่น รับปักเสื้อ ได้รับ เงินแต๊ะเอีย หรือ ได้กำไรจากการขายของเล็กๆ น้อย บัญชี ธนาคารกรุงศรี จะเอาไว้สำหรับ ให้แม่โอนเงินเข้าไว้ใช้สอยเวลาเรียน ธนาคารออมสิน เปิดไว้สำหรับ ให้โอนเงินของสลากออมสินที่ถูกเข้ามา แต่สลากออมสินไม่เคยถูกเลย เปิดบัญชีให้โอนเงินเข้า แต่ก็ไม่เคยมีเงินเพิ่มเลย ธนาคารที่เปิดบัญชีใหม่ปีนี้คือ ธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อ ใช้บัตร พรีเมียร์ ที่สามารถเบิกเงินได้ทั่วโลก ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียมถูกกว่า บัตรวีซ่าอีเลกตรอนของธนาคารกรุงไทย บัญชีล่าสุดที่เปิดคือ ธนาคารกสิกรไทย เปิดไว้สำหรับการโอนเงินเข้าบัญชีของเงินเดือนที่ทำงานที่บริษัท ดิจิตอลแอสโซสิเอตส์ ดูเหมือนว่า เปิดบัญชีธนาคารมากขึ้นเพื่อฟอกเงิน แต่จริงๆไม่ใช่ เพื่อความสะดวกในการโอนเงิน และใช้บริการในเวลาที่คนเยอะธนาคารนี้จะได้ไปธนาคารอื่น ได้ และเหตุผลสำคัญคือเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี

อีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงินคือ คิดมากขึ้นในการใช้จ่าย หากประหยัดได้ก็จะพยายาม เช่นโทรศัพท์มือถือ จากที่เคยใช้ ดีมีเดี่ยม ให้แม่เป็นคนออกค่าโทรให้ เหมาจ่าย 750 บาท (802.50 รวมแวต) เมื่อเราไม่เคยใช้ถึงเลย ก็ขอเปลี่ยนเป็น ฮัทช์ดีกว่า เพราะว่า โปรโมชั่นถูกกว่า แค่ 650 บาท เท่านั้น ในขณะที่โทรได้มากกว่าอีกร้อยนาที ซึ่ง จริงอยู่สัญญาณอาจจะไม่ดีมาก แต่ก็ถือว่าดีหากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ

เรื่องที่ใช้เงินมากอีกเรื่องหนึ่งคือ การไปเที่ยวที่ต่างๆ ของเรา การไปเที่ยวนี้ เรื่องเงินไม่ค่อยเป็นกังวลมากนัก เพราะคิดว่า การไปเที่ยวเราได้อะไรมากกว่าที่เงินจะซื้อได้ ไม่ว่าจ่ายมากหรือน้อย ก็จะได้อะไรกลับมาอยู่แล้ว จึงใช้อย่างเต็มที่เท่าที่วิจารณญาณยังดึงอยู่ได้

ปลายปีก็ได้ใช้เงินอีกก้อนใหญ่ ในการซื้อคอมพิวเตอร์เพื่ออับเกรด จากเครื่องเก่ามากๆ มาเป็นเครื่องที่เกือบแรงที่สุดในตลาด (พ.ย.46) ใช้เงินไปเกือบสองหมื่นบาท ซึ่งในขณะนี้ก็พิมพ์จากเครื่องนี้อยู่ อาจยังมีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ กับตัวโปรแกรมซึ่งคิดว่าคงจะสามารถแก้ปัญหาได้ในเร็วๆ นี้

3.ความรัก

ยังคงลุ่มๆดอนๆ ไม่มีใครจริงจัง และไม่จริงจังกับใคร แอบชอบผู้หญิงบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี รักผู้ชายดีกว่าไม่เรื่องมาก อ้าว

ปกติแล้วเป็นคนไม่มีศรัทธาในความรักเลย มองความรักเป็นเรื่องเหลวไหล และเสียเวลามากๆ ไม่รู้ไปได้ความคิดนี้มาจากใคร ดังนั้น จึงไม่เคยเลยที่คิดจะจีบใคร หรือมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ทุกวันนี้ก็ยังมีทัศนคตินี้อยู่ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีแฟน แต่ก็คิดไปคิดมาว่า หากมีแล้วจะทำให้ตัวเองลำบาก คนอื่นลำบาก และทางบ้านยังไม่พร้อม สู้ยังไม่มีดีกว่า เพราะเห็นตัวอย่างมามากว่า ปัญหามันเกิดขึ้นจริง หากมีใครสามารถมาแก้ไขทัศนคตินี้ได้ก็จะเยี่ยมมาก เพราะเหงาเหมือนกันนะ เวลาอยู่คนเดียวไม่รู้จะคุยกับใคร หึๆ

4.การเดินทาง

เดินทางมากพอสมควรครับ ไปหลวงพระบางช่วงเดือน พฤศจิกายน 45 กับหนังสือทริป ของคุณธนบูล ไปกับจู๋ เป็นสถานที่ที่ดีมาก มีความเรียบง่าย และสวยงาม มีวัดวาอาราม และผู้คนที่เป็นมิตรมาก หากมีโอกาสควรกลับไปอีก ไปครั้งนี้ ตอนแรกกะว่าจะไปแค่สัปดาห์เดียว กลับกลายเป็น สองสัปดาห์ หน้าที่หลักคือการ หาข้อมูลและถ่ายรูป ซึ่งก็ทำกันอย่าง งูๆ ปลาๆ นิดหน่อย เนื่องจาก อากาศไม่อำนวย ท้องฟ้าเมฆมากทุกวัน และเจ้าหน้าที่ทางลาวไม่ช่วยเหลือเท่าที่ควร

ช่วง สิ้นเดือนตุลาคม ปี 45 ไปปักกิ่ง เมืองจีน กับร้านน้อมจิตต์ขายเสื้อผ้า ซึ่งได้เป้าไปได้ เจ็ด คน ก็มี เต๋า เรา อี้ม่วย อี้ฮวง อีหมู แม่ กับอาม่า ไปกัน 5 วัน 4 คืน มั้ง นานแล้วจำไม่ได้ เมืองจีนหนาวพอสมควร ต้องใส่เสื้อกันหนาวตลอดเวลา เพราะถึงแม้อุณหภูมิจะไม่ต่ำเท่าไหร่แต่ลมพัดแรงเชียว เชียงใหม่ เกาะช้าง พัทยา พลาด กาญจนบุรี ภาคใต้ไม่ได้ไปเลย ไปเช็งเม้งเขาช้าง วัดพระธาตุลำปางหลวง บาหลี เขาใหญ่

5.อินเตอร์เน็ต

dita เว็บบอร์ด อีเมล์กรุ๊ป อีเมล์เต็ม อีเมล์ใหม่ หมกมุ่น เสพติด เอ็มเอสเอ็น

6.การทำงาน

หางานก่อน ได้ทีหลัง หลายปัจจัยสำหรับอนาคต ต้องตัดสินใจ การเรียนต่อ ทำงานด้วย วีซ่าอเมริกา

7.อนาคต

ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย ผมไม่สามารถวางแผนสิ่งใดได้ เพราะชีวิตนี้ล้วนปราศจากความแน่นอนทั้งปวง

8.กิจกรรมเสริมทักษะ

กบธ.45 เที่ยวเตร่ กินเหล้า ปักเสื้อ ขับรถ ประชุมองค์การค้า ซื้อของ บัตรเครดิต ไอเอสเต้ เอฟเฟม เมิร์ค รอยเตอร์ ความอ้วน การไม่แน่นอน ไม่ตั้งใจ ซีเนียร์โปรเจค

9.คนที่พบ

บี๋ชิคาโก้ คุณยุพิน ลุงสมบัติเกาะช้าง พี่ๆที่ยูบีซี พวกองค์การค้า รุ่นพี่ไอที เพื่อนๆ อาร์ตทำงานไกล พวกเพื่อนร่วมงานที่ ดีเอ อาจารย์บุญฤทธิ์ อ.ทองดี ชีวพฤกษ์ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ไอเอสเต้ คนในงานรับปริญญา เพื่อน เก่าๆ

10.กีฬา

รักบี้ชิงแชมป์โลก นิวซีแลนด์ไม่ชนะเลิศ แต่ได้ที่สาม ก็โอเคนะครับ สนุกดีด้วย ยิ่งดูยิ่งคิดถึง ภราดร ทาทา

Tuesday, March 06, 2007

ทำเว็บให้กลุ่มของเรา

ทำเว็บให้กลุ่มของเราที่นครสวรรค์ ให้เลือกชมได้สองอันครั

http://nsye.multiply.com

http://nsye.blogrevo.com

ชอบอันแรกมากกว่าใส่อะไรได้เยอะดี

บล้อกเกอร์ครับ ระวังจะตกรอบนะครับ ช่วงหลังนี่ชักจะทำงานไม่ค่อยถูกใจแล้วนะครับ
โดนย้ายบ้านแล้วจะลำบากนะจ้ะ

Sunday, February 25, 2007

ตามติด ตรุษจีนนครสวรรค์ 2550

ตามติด ตรุษจีนนครสวรรค์ 2550

ไปเจอเว็บอันนี้มาครับ จากเว็บพี่ศรชัยอีกที คิดว่าน่าจะบันทึกไว้ซะหน่อยว่าเป็นนักเขียนบล้อกชาวนครสวรรค์ ที่ดูดีแฮะ ชอบที่เค้าเขียนบรรยายขบวนแห่ต่างๆ และถ่ายรูปและวีดีโอมาให้ดูเยอะดี

ปีนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลยแฮะ

Friday, January 19, 2007

ช่วงนี้

ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ เหมือนจะเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน

ชวนคิด ชวนถาม ชวนตาม ชวนฟัง ชวนพัก ชวนนั่ง ชวนรัก ชวนใคร่

ชวนเที่ยว ชวนชม ชวนมา ชวนไป ชวนฝัน ชวนใฝ่ ชวนให้ ชวนปัน

ปากน้ำโพชวนคิด เฮ้


ชวนเปิดความคิด ชวนร่วมติดตาม

ชวนร่วมไถ่ถาม ถึงความเป็นไป

ชวนมาร่วมฟัง ชวนนั่งใกล้ใกล้

ชวนกันใส่ใจ ในบ้านเมืองเรา

ปากน้ำโพชวนคิด เฮ้