Tuesday, September 09, 2014

หนังสือที่ประทับใจ

นานๆทีจะเขียนอะไรยาวๆ ได้สักทีขอเซฟไว้ใน บล้อกไว้เชยชมหน่อยนะครับ

ตามที่ Chitpong Few Wuttanan ได้แทกมาถามว่าที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้อ่านหนังสืออะไรมา ที่คิดแล้วนึกออกเลยว่าเออดี อะไรงี้ก็เลยลิสต์ให้ดังนี้
1.หุบเขากินคน มาลา คำจันทร์
..
เรื่องของการผจญภัยข้ามภพของลูกเสือกลุ่มหนึ่งที่ไปเข้าค่ายแล้วหลงป่าข้ามเวลา ย้อนกลับไปยังสมัยขอมเรืองอำนาจ ตัวละครได้แก่ วิชชุ บดินทร์ บุญชู วิทยา และ อัชฌา โดยทุกคนจะมีพลังมากขึ้นแตกต่างกัน เช่น ฉลาดขึ้น ว่องไวขึ้น แข็งแรงขึ้น และบางคนมีคาถาอาคมมากขึ้นโดยทั้งหมดจะต้องช่วยกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ให้สามารถครองบ้านเมืองต่อไปได้ เล่มนี้อ่านครั้งแรกตอนไม่สบายเป็นไข้เลือดออกตอน ป.4 พอเขาเอาเรื่องมาทำละคร ความฝันวัยเด็กก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
..
2.นิกกับพิม วณ.ประมวลมารค
..
เรื่องเล่าระหว่างชายหญิงผู้เลี้ยงหมาที่ใช้วิธีสื่อสารกันโดยให้หมานิก และหมาพิม เป็นตัวละคร เขียนจดหมายถึงกัน นิกอยู่เมืองไทย พิมอยู่เมืองนอก เข้าใจว่าเป็นอเมริกา เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน เล่าเรื่องต่างๆ จนมาจบแบบ แฮปปี้เอ็นดิ้ง ได้ เล่มนี้อ่านตอนม.ต้น ได้มั้ง เห็นพี่สาวอ่านก็อ่านบ้าง สนุกจริงๆ โดยเฉพาะตอนท้ายๆที่ไปเจอ คุณนายของตัวละครหญิงที่เป็นคนประหยัดแบบโรคจิตๆ ฮามาก
..
3.อุดมการณ์บนเส้นขนาน อรุณมนัย
..
เป็นหนังสือนนอกเวลาตอน ม.ปลาย ไม่รู้ว่า 4 หรือ 5 แต่แน่นอนมาก ว่าเป็นหนังสือที่ออกแบบมาเพื่อเข้ากับวัยขบถของช่วงนั้นพอดี คืออ่านก่อนนั้น ก็ไม่ดี อ่านหลังนั้นก็ไม่ได้ เนื้อหาหนังสือเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาสาสมัครชาวต่างชาติที่มาอยู่ในประเทศไทยแล้วเห็นความผิดปกติต่างๆในไทย วิธีการคิด วัฒนธรรม ที่ขัดหูขัดตา แล้วตั้งข้อสังเกต แล้วคนไทยก็เห็นด้วยแต่ไม่รู้จะแก้ปัญหาที่เขาเสนออย่างไร จำได้เลยคือเรื่องการสร้างทางเชื่อมในระหว่างตึกต่างๆ ในโรงพยาบาล ที่จะทำให้หมอและคนไข้ไม่ต้องเดินตากฝน และประเด็นนี้นี่เองที่ทำให้นำมาใช้ในชีวิตจริงและเกิดผลบางอย่างกับโรงเรียนที่เรียนในตอนมัธยม
..
4.สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน วินทร์ เลียววารินทร์
..
เล่มนี้อ่านตอนไปภูเก็ต กับพีซ มาร์ค แบงค์ เจตน์ เพื่อน SIIT น่าจะตอนปี1ขึ้น 2 ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงเอาไปด้วย หรือเอามาจากไหน อาจจะจากงานหนังสือลดราคาสักแห่ง อ่านตลอดเวลา ตั้งแต่ ไปเกาะพีพี ไปแหลมพรหมเทพ ไปกินโอ๊ะเอ๋ว ไปกินโลบะ ไป4-5วันอ่านจนจบเลย คนมักจะประทับใจเนื้อหาในส่วนที่ผู้เขียนใช้คำนามในการเขียนเรื่องราวแล้วแบ่งด้วยเครื่องหมายทับ ว่าเป็นการนำเสนอที่เจ๋งฝุดๆ เบย แต่เรากลับชอบอีกเรื่อง คือเรื่องที่โรงแรมม่านรูดที่มีการติดกล้องแอบถ่ายพฤติกรรมต่างๆ ของคนที่มาใช้บริการ แล้วอัดเทปไว้ดู จำได้ด้วยว่า อ่านไปแล้วเก็บไปฝัน ฝันว่าสอบวิชาฟิสิกส์ได้ F+ ยังตื่นมาถามเพื่อนเลยว่า เฮ้ย มันมีเกรดนี้ด้วยหรือเปล่า 555
..
5.หลังอาน บินหลา สันกาลาคีรี
..
เล่มนี้อ่านตอนปี 4 แล้ว ถ้าจำไม่ผิด ฟ้า วิภาวดี เป็นคนเอามาให้ยืม อยู่ในยุคเดียวกันกับ ชุดประดานำกับผีเสื้อ ที่กระพริบตาแต่งหนังสือได้ทั้งเล่ม
และ วันอังคารกับครูมอลลี่ ครูที่จะตายแต่มาสอนหนังสือทุกวันอังคาร อะไรซักอย่าง แต่ จำได้ไม่ชัดเจนเท่าไร เอาเป็นว่า หลังอาน เป็นเรื่องของคุณบินหลา
ที่หาญกล้าจะขี่จักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพ อ่านแล้วทำให้เกิดความฮึกเหิมขึ้นในจิตใจที่จะทำอะไรบ้าๆบอๆ ทำให้ปี4 ปีนั้น นั่งรถไฟไปจังหวัดตรัง กับแบงค์ธนา หลายวัน และนั่งเครื่องบินไปเที่ยวหลวงพระบางกับจู๋ วรวฺธ สัปดาห์นึง บ้าชิบเป๋ง
..
6.พันธุ์หมาบ้า ชาติ กอบจิตติ
..
โห.. เรื่องนี้แบบว่าเล่าไม่ถูกเลย จำได้ว่าหยาบมาก แรงมาก เผยด้านมืดของวัยรุ่นอย่างมากๆ เลย ทั้งยาเสพติด เซ็กส์ ตีรันฟันแทง ปัญหาครอบครัว ครบรสเลย จำตัวละครได้ตัวเดียวคือ อ๊อตโต้ และอีกคนที่เอามีดแทงพ่อ หรือไงนี่ล่ะ เป็นหนังสือที่แนะนำให้อ่านตอนเรียนป.ตรี เพราะถ้าอ่านตอน มัธยม จะคิดเอาเยี่ยงอย่าง อ่านตอนเรียนจบ ป.ตรี มาแล้วก็ไม่อินแล้วครับ อ่านไว้จะได้รู้ว่าชีวิตมันลงต่ำสุดได้ยังไง แล้วกลับขึ้นมาได้ไหม
..
7.ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน วินทร์ เลียววารินทร์
..
เล่มนี้จริงๆ ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจอ่านพูดเลย พ่อซื้อมาวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วก็ไม่เห็นอ่านเสียที ก็เลยรำคาญเอามาอ่านซะเลย ปรากฏว่า วางไม่ลงทีเดียว
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนสองคนที่ใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงปฏิวัติรัฐประหารต่างๆ
เข้าป่าคอมมิวนิสต์ สารพัด แต่ทั้งสองคนก็รักกันบ้างเกลียดกันบ้างตามยุคสมัย แต่ทุกช่วงที่จบยุค นั้น จะมีการหักมุมอย่างรุนแรงทุกครั้ง เรื่องจบอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน เอาความเจ๋งมาแบ่งเป็นตอนๆ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน เอามารวมไว้ในนิยายเรื่องเดียวเลย
..
8.The The Davinci Code Dan Brown
..
อันนี้ก็ไม่ต้องอธิบายมาก รู้ๆกันอยู่ว่าสนุกสนานขนาดไหนเนอะ
..
9.ชีค ประภัสสร เสวิกุล
..
เล่มนี้ที่กล่าวถึงเพราะเป็นนิยายเรื่องยาวเรื่องล่าสุดที่ได้อ่านจนจบ ระหว่างทริปการเดินทางไปขอนแก่นด้วยรถทัวร์ ที่นานมาก เริ่มขึ้นรถ11น.ก็อ่านเลย
จน 18.00 น. แดดหมด ก็หยุดอ่าน เข้าโรงแรมก็อ่านอีกหน่อย ขากลับก็อ่านอีก จนมาถึงนครสวรรค์โดยสวัสดิภาพ เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในเขตทะเลทรายแถวอาหรับซักแห่ง เป็นเรื่องชีวิตของเด็กหนุ่มลูกหัวหน้าเผ่าเบดูอินที่พ่อถูกฆ่าตายต่อหน้า ทั้งๆที่พ่อเขาเป็นคนดีที่พยายามรวบรวมเผ่าต่างๆ เข้าด้วยกันแต่มาขัดผลประโยชน์กับชาวยุโรป ที่จะเข้ามาทำสัมปทานน้ำมัน เด็กหนุ่มโตขึ้นพร้อมกับความแข็งแกร่ง การฝึกฝนทางการรบ การใช้ชีวิตต่างๆ คุณประภัสสร เล่าเรื่องโดดไปโดดมาหลายฝ่าย ต้องจำชื่อให้แม่น จะได้รู้ว่าตอนนี้อยู่ด้านไหนแล้ว เรื่องหักมุมมีมาตลอด แต่ไม่แรงเท่า คุณวินทร์ ส่วนตอนจบห้วนไป ถ้าไม่นับตอนจบ ช่วง 90%ของหนังสือก็สนุกมากทีเดียว เม็ดทรายในทะเลทรายทุกเม็ดก็เหมือนๆกัน อยู่ที่ว่าเม็ดไหนจะถูกนำไปเจียรนัยเป็นแก้วที่มีคุณค่า อืม..
..
10.Wish us Luck ขอให้เราโชคดี แวววรรณ-วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์
..
เล่มสุดท้าย เป็นเล่มล่าสุดที่อ่าน จริงๆ ได้ยินชื่อมานานแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านเสียที พอดีว่าไปเปิดหน้าบัญชีขายหนังสือกับ บริษัทบันลือบุ๊คส์จำกัด
เขาส่งหนังสือมาฝากขายก็เลยหยิบมาQC หน่อย อ่านไปวางไม่ลงทีเดียว จำได้ว่าคืนนั้นอ่านต้งแต่ 22.00-04.00 วันรุ่งขึ้นเลย สนุก ลุ้น จิกกัดเจ็บๆ พอประมาณ เรื่องมีอยู่ว่า สองสาวฝาแฝด แวววรรณ วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์ จะเดินทางกลับประเทศไทย จาก อังกฤษ ด้วยวิธีการนั่งรถไฟ ตลอดทาง ตั้งแต่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอะไรอีกประเทศนึง แล้วเข้ารัสเซีย มองโกเลีย จีน เวียดนาม ลาว ไทย ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกว่าเจ๋งดีแฮะ ใจกล้ามาก ซึ่งในตอนที่ได้ยินว่าเธอสองคนทำเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อปีก่อน ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการไปเที่ยวเกาหลี และ ข้ามต่อไปญี่ปุ่นด้วยวิธีการนั่งเรือเฟอร์รี่ (จากปูซาน ไป ชิโมโนเซกิ) ซึ่งไปนั่งก่อนเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือเซวอล นะครับ
โดยรวมหนังสือเรื่องนี้ก็สร้างแรงบันดาลใจได้ดี อ่านสนุก ภาพสวยครับ
..
เอ้า สาแก่ใจกันแล้วไหมครับท่านผู้อ่าน ถ้าใครคาดว่าผมจะเขียนว่าผมอ่านหนังสือประเภท ปรัชญา ธรรมะ หนังสือเท่ๆ หรือ อะไรเทือกๆนั้นก็ขออภัยที่อาจจะผิดหวังบ้าง อาจจะมีก็ได้ แต่ตอนนี้คิดออกเลย มีเท่านี้ ถ้าวันหลังคิดออกเดี๋ยวค่อยบอกนะครับ
ยังนึกไม่ออกว่าจะแท็กใครต่อดี ก็เว้นไว้ก่อนละกันนะครับ ขอบคุณครับ

No comments:

Post a Comment