Tuesday, January 28, 2014

ไปเที่ยวเชียงใหม่ ธ.ค.2555 (วันที่ 4)

นับเป็นซีรี่ย์ของblogที่ใช้เวลาเขียนนานมาก ดองแล้วดองอีก จนข้ามปีแล้ว ได้มาแค่ 3 วัน แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงเขียนต่อไปเพราะมันสนุกมาก และยังต้องเล่าเรื่องญี่ปุ่นอีก ยังไม่รู้จะดองไปอีกนานไหม อ้ะ มาวันที่ 3 ทำอะไรบ้าง

วันนี้ตื่นเช้ามาอากาศยังหนาวอยู่ เป็นเช้าแรกที่ต้องหาอาหารเช้ากินเอง ว่าจะออกไปหาโจ๊กกินเสียหน่อย ร้านขึ้นชื่อของเขาคือร้าน โจ๊กสมเพชร โจ๊ะศรีพิงค์ โจ๊กพยอม ร้านไหนดีหว่า แอบอ่านรีวิวในเน็ต แล้วพบว่า ร้านพยอมน่าจะดีสุด อยู่หลัง มช. งั้นไปกันเลย
พอไปถึง ร้านโจ๊กพยอมคนเยอะมาก ไม่มีโต๊ะนั่งเลย คนล้นออกมาทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน โจ๊กศรีพิงค์ที่อยู่ข้้างๆกันก็ได้ฟระ เอาเร็วไว้ก่อน วันนี้การเดินทางอาจจะอีกไกลนะ สั่งมาเลย รสชาติก็ถือว่ากลางๆ พอกินไปแก้หิวแก้ขัดได้ครับ กินเสร็จแล้ว วางแผนไปไหนดี อ้ะ ไหนๆ มาถึงเชียงใหม่แล้วจะไม่ไปดอยสุเทพก็ดุยังไงๆ อยู่นะ อ้ะ จัดเลยละกัน หันหัวรถขึ้นดอยทันที

การขี่มอไซด์ขึ้นเขาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหวาดเสียว และเราไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยมัธยมเห็นจะได้ ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันจึงเป็นส่ิงสำคัญ หมวกกันน็อค เสื้อแจ็กเก็ต กางเกงยีนส์ ป้องกันไว้ก่อนกรณีหากรถล้ม ทางขึ้นดอยสุเทพนั้นโดยรวมก็ถือว่าขับขี่ไม่ยากนัก เพราะถนนค่อนข้างกว่าง ไป2เลนกลับ2เลน บางช่วงขยายใหญ่เนื่องจากเป็นทางโค้งและมีจุดชมวิวเป็นระยะๆ การขับขี่ใช้เกียร์ 1-2 ตลอด และดูมาตรวัดน้ำมันตลอดเช่นกัน เพราะขึ้นเขาก็ยังไม่รู้ว่ามีปั้มน้ำมันไหม และน้ำมันครึ่งถังที่มีนี้จะหมดก่อนหรือเปล่า ขึ้นมาได้นิดหน่อยก็แวะพักที่น้ำตกห้วยแก้ว ซึ่งเป็นชะง่อนผา เรียกว่า ผาเงิบ ก็แปลกดีครับ เพราะคำว่า "เงิบ" ในภาษาวัยรุ่นปัจจุบันมักจะใช้ในเวลาที่ ปล่อยมุกแล้วไม่ขำ หรือเจอเหตุการณ์ที่ทำให้อึ้งเงียบไปเลย จะใช้คำว่า "เงิบ" ครับ (ภาพนี้โพสต์ลงใน facebook และ twitter ได้รับการ Like และ RT หลายครั้งอยู่นะ)
ขี่มอไซด์ต่อไปเรื่อยๆ อากาศเย็นๆ สบายๆ จนบางช่วงถึงกับรู้สึกเคลิ้มๆ ต้องเรียกสติกลับมาบ่อยๆ ด้วยการร้องเพลงบ้าง ขยับเนื้อตัวบ้าง จนบางทีก็เกือบเผลอสติหลุดลอยเลี้ยวแหกโค้งก็มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโค้งสุดท้ายก่อนถึงดอยสุเทพ ด้วยความที่ขี่มอไซด์แบบเพลินๆ มาเป็นทางไกล โค้งสุดท้ายก่อนถึงพระธาตุเป็นโค้งหักศอกที่ชันมากและลืมเปลี่ยนเกียร์และลดความเร็ว ทำให้รถล้อฟรีอยู่แว้บนึง ใจหายเลย นึกว่าจะล้มเสียแล้วนะครับ เพราะรถในบริเวณนั้นก็เยอะด้วย รถยนต์ที่ตามมาเห็นจะเบรคไม่ทันถ้าเราล้มลงคงได้เหยียบเราเละแน่ๆ อันตราย นะครับ ต้องขอเตือนไว้ตรงนี้เลย อย่าขี่เพลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโค้งสุดท้ายนะครับ

ถึงแล้วก็อย่ารอช้า ขึ้นไปไหว้พระธาตุกันดีกว่า ฮึบๆ (ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เดินขึ้นบันไดแค่นี้ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก)
ในที่สุดก็มาถึงเสียที เราขึ้นมาในวันที่ไม่ค่อยมีแดด แต่ว่ามุมที่จะถ่ายพระธาตุและติดเราด้วยหายากมาก ด้านบนพระธาตุมีช่างภาพรับจ้างที่คอยจะถ่ายภาพให้เราหลายคน แต่เราก็ปฏิเสธไปเพราะชอบแนว selfie ถ่ายตัวเองมากกว่า เลยได้รูปที่ดีที่สุดมาดังนี้
เอานะ ก็พอหอมปากหอมคอ 
เราไหว้พระธาตุแบบพอเป็นพิธีมากๆ ไหว้มือเปล่า บางคนเขาซื้อดอกไม้ธูปเทียน ทองคำเปลว เราไม่ได้ซื้อเลย ไหว้ อธิษฐาน ขอบคุณที่เมื่อกี้ตอนจะขึ้นมาไม่เกิดอุบัติเหตุ และ ขอให้การเดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง

ความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับดอยสุเทพนั้น คือ หน้าวัดจะมีการขายวอฟเฟิ้ล ราดน้ำผึ้ง อร่อยมากๆ และ วอฟเฟิ้ลที่่มีไส้กรอกเสียบไม้อยู่ตรงกลาง เดินวนหาหาไม่เจอเสียแล้ว มีแต่ชาเขียวบ้าง ซาลาเปาบ้าง กาแฟสดบ้าง มันก็คงเปลี่ยนไปตามยุคสมัยนะ โจ๊กที่กินเมื่อกี้เริ่มย่อยหมดแล้ว เลยต้องหาออะไรเติมหน่อย ไปจบลงที่ไส้กรอกอีสานไส้วุ้นเส้น ดุ้นใหญ่มาก กินไปร้อนไปจนหมด โฮ่ๆ

ออกเดินทางต่อไปยัง พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ กันครับ



No comments:

Post a Comment