Friday, November 24, 2006

memo ประจำวัน

เมื่อคืนคุยกันเรื่อง การแบ่งกลุ่มขององค์กรในจังหวัดออกเป็นประเภทต่างๆ
โดยมีกราฟแกนตั้งและนอน แกนตั้งเป็น อายุ แกนนอนเป็นองค์กรดั้งเดิม กับองค์กรใหม่
กลุ่มที่เราประชุมกันทุกวันพุธ เป็นพวก องค์กรใหม และอายุมากหน่อย ส่วนพวกที่ประชุมกันทุกวันอังคารแรก พวกนั้นเป็น องค์กรใหม่ แต่อายุน้อยหน่อย ส่วนพวกโรตารี่ ไลออนส์ สมาคมชมรม พวกนั้น เป็นยุคเก่า และ อายุมาก ทุกคนกำลังลองคิดถึงอายุน้อย แต่องค์กรดั้งเดิม นึกไม่ออก อาจจะเป็นพวกโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ ก็เป็นได้ หรือพวก คณะสีในโรงเรียน รวมกลุ่มกันแต่ว่ายังยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ

มีผู้วิเคราะห์ว่า ชมรมแบบไลออนส์ โรตารี่ กำลังมีปัญหาตรงที่ไม่มีคนเข้าไปร่วมใหม่ๆ มีแต่คนแก่ๆ เก่าๆ ไม่มีไอเดียอะไรใหม่ ๆ พวกที่อายุน้อยก็มักจะคิดว่า องค์กรมันแก่ เข้าไปก็เจอแต่คนแก่ๆ ร้องเพลงเก่าๆ เล่นมุขที่ไม่ค่อยขำ ก็เลยไม่เข้าไปร่วม

มีอีกกราฟ คือ แกนนอนเป็น เพื่อธุรกิจ<------------>เพื่อสังคม ส่วนแนวตั้งก็เป็นประสบการณ์ในชีวิตมาก กับประสบการณ์ในชีวิตน้อย
พวกกลุ่ม วันพุธ เป็นพวก ประสบการณ์มาก และเพื่อสังคม
พวกกลุ่ม วันอังคาร เป็นพวก ประสบการณ์น้อย เพื่อธุรกิจ
พวกฟอรั่ม เป็นพวก ประสบการณ์มาก เพื่อสังคม
พวกหอการค้า เป็นพวก ประสบการณ์มาก เพื่อธุรกิจ

เค้าพยายาม จะจัดหาให้ทุกคนได้ประสานงานกัน โดยให้คนคิดถึงเรื่องที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้

+++++++++++++++++++++++++++++
ต่อไปเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
1.เด็กๆบางส่วนที่ไม่สนใจการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะเขาเห็นตัวอย่างของพ่อแม่ในการทำกิจกรรมสังคมดังกล่าว มาตั้งแต่เด็ก ได้เห็นแต่พ่อแม่ได้แต่กล่อง แต่ไม่ได้รับความร่ำรวยขึ้นแต่อย่างใด
2.เด็กอาจจะคิดเป็นปมด้อยด้วยเรื่องการไม่เอาใจใส่ธุรกิจ หรือ ครอบครัว ทำให้เด็กในยุคนี้ ถ้าเลือกได้จริงๆ เค้าอาจจะไม่อยากไปสังคมกับใครเลยก็ได้ มีความยินดีที่จะอยู่คนเดียว หรืออยู่กับครอบครัวมากกว่า
3.เด็กๆ คิดว่าที่เค้าเป็นอยู่ในปัจจุบันจริงๆ เค้าคิดว่าน่าจะเป็นได้ดีกว่านี้หากเค้าตั้งใจทำธุรกิจให้ดี ลดหนี้ให้พ่อแม่ และจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหน่อย ดังนั้นอย่าไปเข้าสังคมเลย มีแต่ค่าใช้จ่าย

ร้อยแปดเหตุผล แห่งความไม่บรรลุวุฒิภาวะ

แล้วเราจะเปลี่ยนได้ไหม ผมว่าอาจจะได้แต่นานและต้องรอให้ถึงวัยอันสมควร ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากไปสังคมกับใครเท่าไหร่ พอเข้าสังคม ต้องวางตัวผิดจากเดิม ทำให้ไม่สบายตัวเลย ไม่ไปก็จะกลายเป็นกบในกะลา แน่นอน ถึงข่าวสาร เทคโนโลยีมีมากมาย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทดแทน เรื่องซุบซิบนินทา ข่าววงในต่างๆ หรือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปได้เลย แต่ผมก็ยังรู้สึกต่อต้านอยู่ดี

เราทำธุรกิจ มีคนรู้จักมากๆ มีเครือข่ายมากๆ ตามหลักการแล้วดี แต่ทนได้ไหม กับการขายของแล้วต้องลดกระหน่ำเพราะเกรงใจกัน
เวลาเราไปซื้อเขา แล้วเขาคิดแบบเราไหม หรือว่าเขาชาร์จ ตามปกติ ซึ่งตรงนี้จะว่าเป็นเรื่องเล็กก็เล็ก ใหญ่ก็ใหญ่นะครับ

คิดไปคิดมาก็เหมือนเขียนไม่มีประเด็นอีกแล้วหนอเรา
แฮ่ๆ ง่วงนอน ไปก่อนดีกว่า

No comments:

Post a Comment